Show Posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ฉันชื่อความรัก

Pages: [1] 2 3 ... 42
1
 ตัวเลข “6” หรือ “ดาวศุกร์” มีความหมายไปในเชิงของ “ความรัก ความสุข การเงิน” อันแสดงให้เห็นถึง “ความหลงใหลในสิ่งสวยงามต่างๆ” มักจะถูกทายไปในรูปแบบที่ดีอยู่แทบทุกครั้งไป มีลักษณะเปรียบได้ดั่ง “ธาตุน้ำ”

                ส่วนตัวเลข “8” หรือ “พระราหู” โหราศาสตร์ ยกย่องพระเคราะห์ราหูเป็น ขุนยักษ์ เป็นดาวแห่งความลุ่มหลง มัวเมา หุนหัน ทำลาย ดั่งตำนานโวหารพระเคราะห์ว่า “ทายมัว ทายเมา ให้ดูราหู” ทางโหราศาสตร์ไทยยกให้พระราหูเป็น “ธาตุลม” แต่เมื่อนำพระราหูมาประยุกต์ใช้ในศาสตร์ทศวิวัฒน์การพยากรณ์หมายเลขโทรศัพท์ การจัดอยู่ในหมวด “ธาตุทอง” ดูจะเหมาะสมกว่า

                หากหมายเลข 6 ไม่ได้เข้ามาทำมุมกับหมายเลข 8 ก็คงจะถูกแปลเข้าไปในทิศทางที่ดีอยู่ เพียงแค่เมื่อใดที่ถูกนำมาประกอบเข้าเป็น “68” หรือ “86” เท่านั้นล่ะ ความหมายของมันก็จะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเลยทีเดียว ดั่งที่จะอธิบายในย่อหน้าต่อไป

                “ความรัก และความหลง” เป็นคำที่มีความหมายแตกต่างกัน ทางพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ได้ให้ความหมายของคำว่า รัก ไว้ว่า “เป็นคำกริยา หมายถึงมีใจผูกพันด้วยความห่วงใย มีใจผูกพันด้วยความเสน่หาหรือชอบ” ส่วนหลงใหล นั้นหมายความว่า “ก. คลั่งไคล้ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง” โดยถึงแม้คำเหล่านั้นจะมีคำอธิบายที่ชัดเจนเพียงใจ แต่ในความเป็นจริงจะมีใครซักคนที่แยกแยะได้ไหมว่า ในระหว่างนั้นเรา “รัก” หรือ “หลง”

                 ที่ต้องอธิบายคำว่า “รัก” หรือ “หลง” นั่นก็เพราะว่า ตัวเลข 68 เป็นตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “หลง” อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยถึงแม้ว่าตัวเลขคู่นี้จะมีตัวเลข “8” เป็นส่วนประกอบ ก็ไม่ได้ทำให้มีนิสัย “รุนแรง ป่าเถื่อน” ขึ้นมาเพิ่มเติมแต่อย่างใด สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็จะมีแต่คำว่า “หลงมัวเมา อย่างโงหัวไม่ขึ้น เพราะติดอยู่ในความสุข จะเอาสิ่งใดมาแลกก็ไม่ยอม”

                 ตัวเลข 6 นั้นถูกแทนไว้ด้วยเรื่องหลักๆอยู่ 3 อย่างด้วยกันคือ “ความรัก” “การเงิน” และ “ศิลปะ” ดั้งนั้นเมื่อจะนำตัวเลขนี้ไปแปลร่วมกับตัวเลข 8 ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์มาเป็นเช่นนี้


ความรัก –
               หากได้รักใครคนใดคนหนึ่งขึ้นมา เขาจะสามารถทำอะไรได้ทุกอย่างเพื่อให้เธอคนนั้นต้องอยู่กับเขาต่อไป เขาคนนี้แทบจะเป็นคนที่เทิดทูนความรัก และขาดความรักไม่ได้ หากในเบอร์เขาเป็นกลุ่มเบอร์อ่อน เขาจะอ้อนวอนขอความรักจากเรา และเมื่อเราจากไปเขาก็มีโอกาสที่จะจิตตกอย่างหนัก หรือแม้แต่เสียคนไปได้เลย ส่วนหากเขาเป็นมีกลุ่มเบอร์แข็งเป็นองค์ประกอบหลักแล้วล่ะก็ เขาพร้อมที่แย่งคุณมาให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม


การเงิน –
               คนๆนี้อาจจะเรียกได้ว่า เป็นผู้ที่หลงใหลในอำนาจของ “เงินตรา” คนในกลุ่มนี้จะเป็นคนที่เก็บเงินไม่อยู่ สรรเสริญของมีค่า ยกย่องความร่ำรวย และชอบยกระดับความเป็นอยู่ของตนเอง เสพย์สุขไม่รู้จักพอ พร้อมชอบอวดในสิ่งที่เขามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นวิธีใส่เครื่องประดับมากมาย ราคาแพง หรือแม้แต่จัดการงานสังสรรค์เลี้ยงคนแสดงบารมี และในสิ่งสุดท้ายที่จะเป็นข้อเสียของการเงินก็คือ “คนๆนี้รักการเสี่ยงเป็นชีวิตจิตใจ” เรียกว่าผีพนันเลยก็ว่าได้สำหรับบุคคลที่เป็นหนักๆ


ศิลปะ –
             น่าขันเลยทีเดียวที่คนที่ใช้เบอร์นี้กลับมีความสามารถทางด้านการ “ตีค่าศิลปะ” อยู่ในระดับที่สูง เขาสามารถพร่ำเพ้อพูดบรรยายความสวยงามของสิ่งที่เขาหลงใหลออกมาได้อย่างเป็นฉากๆ คุณจะรู้สึกอึ้งกับคำพูดที่เขาได้สรรหาพรรณนาออกมาได้อย่างดงามราวกับไร้ที่ติ เพียงแต่ว่าหากเขาไม่ชอบชิ้นงานไหนๆ เขาก็สามารถวิจารณ์ ผลงานนั้นๆออกมาในมุมที่คุณคาดไม่ถึงเช่นกัน


             เมื่อสรุปผลของหมายเลข 68 ออกมา ตัวเลขนี้มีโทษมากเกินไป มากกว่าที่คนปกติชาวบ้านตาดำๆจะสามารถนำมาใช้ได้ (ผมยังไม่กล้าใช้เลย) ด้วยความที่เบอร์นี้มีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพิษรัก-แรงหึง พร้อมทั้งยังเสียในเรื่องการเงินถึงขนาดที่ว่าสามารถทำให้หมดตัวได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน ไม่ว่าจะด้วยเพราะการใช้จ่าย หรือด้วยการเสี่ยงโชค การพนันขันต่อ  ส่วนถ้าหากเหล่านักวิจารณ์ หรือนักศิลปะคนใดสนใจตัวเลขตัวนี้ ผมแนะนำว่าไปหาตัวเลขอื่นๆที่มีผลใกล้เคียงกับเบอร์นี้จะดีกว่า อาจจะให้คุณน้อยกว่าแต่ก็ไม่มีผลเสียที่ร้ายแรงขนาดนี้พ่วงท้ายอย่างแน่นอน


cr: หมอเมท     ปพรรธน์
  ศาสตร์ทศวิวัฒน์

2
ต่อมาจากศาสตร์ตำแหน่งของตัวเลขเบอร์โทรศัพท์ กันนะค่ะ  หากท่านใดมีตัวเลข 34 อยู่ในเบอร์โทรศัพท์มาอ่านความหมายกันเลยค่ะ

                กล่าวอ้างอิงจากโหราศาสตร์ไทย ตัวเลข 3 เป็นตัวเลขที่ถูกแทนด้วย “ดาวอังคาร” อันเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ การแก่งแย่งชิงดี และอารมณ์โกรธ ทางโหราศาสตร์ไทยได้จัดให้ดาวอังคารนั้นเป็นธาตุ “ลม” แต่สำหรับศาสตร์ทศวิวัฒน์นั้นจัดให้เป็นธาตุ “ไฟ”

                ส่วนตัวเลข 4 นั้นก็เป็นตัวเลขที่ถูกแทนด้วย “ดาวพุธ” เป็นดาวแห่งการสื่อสาร การค้า มักทำอะไรรวดเร็ว ทางโหราศาสตร์ไทยได้จัดให้ดาวพุธนั้นเป็นธาตุ “น้ำ” แต่สำหรับศาสตร์ทศวิวัฒน์นั้นจัดให้เป็นธาตุ “ไม้”

                เมื่อตัวเลข 3 และ 4 เข้ามาประกอบทำมุมกัน ความหมายที่จะเห็นได้ชัดที่สุดก็คือ “ปากไว” ด้วยความที่ดาวพุธแทนการ “เจรจา” ส่วนดาวอังคารแทนความ “มุทะลุ” จึงประกอบออกมาเป็นความหมายที่ว่า “พูดอะไรไม่คิด” หรือถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็ “ปากสุนัข” แต่ถ้ามันจะจบเพียงแค่คำว่า “พูดอะไรไม่คิด” มันก็ดีไป แต่มันกลับสามารถก่อปัญหาได้รุนแรงมากกว่านั้น
ดาวพุธ ยังขึ้นชื่ออีกเรื่องในด้าน “การไม่ยอมเสียเปรียบใคร” โดยหากความหมายนี้ได้เข้ามาเชื่อมกับความหมายที่ว่า “การต่อสู้ และสงคราม” ของพระอังคารเข้ามาเกี่ยวโยง ความหมายของเลข 34 ก็จะทวีเพิ่มความสามารถในการก่อเรื่องมันลามใหญ่โตขึ้นไปอีก กลายเป็นคนที่ว่า “เมื่อเขาต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เขาจะขาดสติยั้งคิด และสามารถทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เขาต้องการได้” ความหมายนี้อาจจะดูใหญ่โต และน่ากลัว เพียงแต่หากมีตัวเลข 34 หลายตัวอยู่ในเบอร์ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นเช่นนี้ได้เหมือนกัน

                ส่วนมากแล้วความหมายของตัวเลข “34” จะถูกใช้ในความหมายที่ว่า “พูดอะไรโดยไม่คิด” และในหลายๆครั้งก็มักจะให้อีกความหมายหนึ่งคือ “พูดอะไรทำร้ายจิตใจผู้อื่น” ซึ่งใน 2 ความหมายนี้หลายๆครั้งก็มักจะแสดงผลพร้อมๆกัน
สรุปแล้วตัวเลข “34” นี้ก็เป็นตัวเลขที่เรียกได้ว่าเป็นตัวเลข “แกว่งเท้าหาเสี้ยน” แต่โดยแท้ เรื่องที่มันจะไม่มีก็ก่อให้มีจนได้ หากจะหาข้อดีของเบอร์ๆนี้ผมก็ยังหาไม่เจอจริงๆ หากใครเจอก็บอกผมด้วยละกันนะครับ(หมอเมท)

cr: หมอเมท     ปพรรธน์
  ศาสตร์ทศวิวัฒน์ 

3
"รักที่ได้มาโดยง่าย ใช่ว่าจะเสียง่าย" .. "รักที่ได้มายาก .. ก็ใช่ว่าจะเสียยากเช่นกัน" ทั้งหมดเกิดจาก .. ความไม่แน่นอนของใจคน 


             คำว่า "เหมือนเดิม" ของคนที่ทิ้งไป  ต่อให้กลับมา "รัก" กันยังไง มันก็ทำไม่ได้ "เหมือนเดิม"
   
             ถ้าอยู่ก็เจ็บ เลิกก็เจ็บ เลือกเลิกเถอะ อย่างน้อยหัวใจจะได้รู้กันไปว่า ควรทำอะไรต่อ ดีกว่านั่งรอสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริง.. 


             สองเหตุผลที่ทำให้คนเราไม่ถามคือ รู้คำตอบอยู่แล้ว กับกลัวคำตอบที่จะได้


             ถ้ามัวยืนอยู่กับที่ อาจเสีย "โอกาส" ที่ได้เจอสิ่งที่ดีกว่า.. กล้าที่จะเดินจากมา แม้เสีย "น้ำตา" แต่สิ่งที่รอข้างหน้าอาจ "งดงาม" 


             "การมีความรักหัวใจต้องใช้พลังงานอย่างสูง และน้ำตาก็คือเหงื่อของมัน"...ถ้าต้องร้องไห้เพราะความรักบ้างก้อไม่ใช่เรื่องแปลก

บางครั้ง "ความรัก" ก็คล้าย ๆ "นาฬิกาทราย" เมื่อฝ่ายนึงเพิ่มขึ้นอีกฝ่ายนึงกลับลดลงและหมดไป .. 


             ถ้าเลิกกันแล้วในเมื่อเค้าอยู่ได้...เราก็ต้องอยู่ได้เช่นกัน 


             บางครั้ง เขาอาจจะรู้สึกดีกับเรา เพียงแต่ไม่ใช่ ในแบบที่เราต้องการ


             "เวลา" กับ "ความไว้ใจ" เหมือนกันตรงที่ ถ้าเสียไปเมื่อไหร่ ก็ไม่มีวันที่จะได้กลับคืนมา


             อยากได้แต่ไม่กล้าขอ อยากรอแต่ไม่กล้าหวัง ...ไม่มีใครไม่เคยเป็น 


             บางสิ่งมีค่าพอให้หยุดมอง แต่ไม่มีค่าพอให้ย้อนเดินกลับไป 


             ถ้าความรักของเธอเหมือน ดอกไม้ หัวใจเขา เหมือนทะเลทราย คงเปล่าประโยชน์ที่จะปลูกดอกไม้ ให้งดงามในทะเลทราย... 


             หลาย ๆ คน พอคิดน้อยลง ความสุขก็มากขึ้น... 


             ไม่จำเป็น! .. ว่าจะต้อง "จับมือ" เดินด้วยกันตลอดเวลา .. ขอแค่! "อย่าปล่อยมือ" .. ในวันที่ฉัน "เหนื่อยล้า" ก็พอ 

อย่าไปเสียใจให้กับการ "เลิกรา" เพราะ มันจะแปลได้ว่า..คุณกำลังเสียเวลา .. ให้กับคนที่ "ไม่ได้รักคุณ"   


             อย่าดูถูกความรักของคนอื่น ถ้าคุณไม่เข้าใจ 


             ไม่มีอะไรทำลายความรักของคนสองคนได้ ..นอกจากความ "ไม่ซื่อสัตย์" ของคนใดคนหนึ่ง 


             ไม่ได้บอกรักใช่ว่าจะไม่รัก .. บอกรักก็ใช่ว่าจะรักเสมอไป 


             ถ้าคุณคิดจะ "รักคนอื่น" มากกว่า "รักตัวเอง" คุณก็จะพบกับความเจ็บปวดตลอดไป


             คนเราถ้ามีแฟน ..ทุกคนก็ย่อมต้องการที่จะเปิดเผย ..ถ้าไม่ติดเรื่องที่ว่า .. คบ 2 คบ 3 

ระหว่างที่คุณกำลังมองหาคนที่ใช่ ... คุณได้กำลังมองข้ามคนที่รักคุณไปหรือป่าวว ..? 


             อยากให้เธอมาอยู่ด้วยเพราะความรัก...ไม่ใช่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ 


             บางครั้งคนเราเมื่อคบกันมานานเกินไปเลย จนแยกไม่ออกว่าความผูกพันกับความรักต่างกันยังไง.. (จะได้ไม่ลืมกัน) 


             ทะเลาะเพราะรักแป๊บเดียวก็หาย ทะเลาะเพราะหมดใจ ทำยังไงก็ไม่เหมือนเดิม 


             หลายคำถามเกี่ยวกับความรัก มักจบลงด้วย ทำยังไงดี และคำตอบที่จริงที่สุด ก็คือทำใจ รู้ว่ายังทำไม่ได้ .. แต่ไม่มีใครที่ไม่ต้องทำ


             คนที่ยังไม่ได้มา ดูมีค่าเสมอ เลยทำให้หลายครั้งคนอยู่ใกล้กลับไม่สำคัญ...


             ฟ้าแค่ทำให้คนสองคนมาเจอกัน แต่ต่อจากนั้นขึ้นอยู่กับเรา... 


             ถ้าจะกลับมา ช่วยถามตัวเองก่อนได้ไหม กลับมาเพราะรัก หรือเพราะ ไม่เหลือใคร ..


             เมื่อเรารักใครซักคน เราจะยอมเป็นได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง .. ตัวสำรอง

 กับคนหมดใจ ยิ่งปล่อยมือเขาเร็วขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะมีความสุขได้เร็วขึ้นเท่านั้น


             ถ้าคน ๆ หนึ่งไม่สามารถรักได้เรามากขึ้น และไม่รักน้อยลง ตกลงเราอยู่ในสถานะอะไร..


4
"ตัวเลือก" คือสิ่งที่ทุกคนอยากมี แต่ไม่มีใครอยากเป็น 


             ทฤษฎีโลกกลม อาจมีไว้ให้เราหยุดวิ่งตามคนที่วิ่งหนีเรา. เพราะถ้าเค้าเกิดมาเพื่อเรา เค้าจะวิ่งวนกลับมาหาเราเอง 


             รักที่เจ็บที่สุด คือรักที่ต้องคอยบอกตัวเองว่าเป็นความรัก ที่ไม่ได้คาดหวังอะไร .. 


             แค่ขอให้เข้าใจว่า .. "ฉันน้อยใจ" ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน


             หลายครั้งที่การบอกเลิก .. บอกไปเพื่อขอความใส่ใจเพิ่ม แต่ตรงข้าม .. ยิ่งพูดบ่อย อีกฝ่ายกลับยิ่งไม่ค่อยใส่ใจ 


             เลิกกับใคร ... ทำไมต้องลืม? ยิ่งต้องจำให้แม่น จะได้ไม่พาตัวเองกลับไปทุกข์ซ้ำซากกับคนที่เรา "อยากลืม" 


             บางที .. ความเหนื่อย อาจทำให้เรามองเรื่องบางเรื่อง ใหญ่กว่าความเป็นจริง 


             บางทีไม่ต้องตัดใครออกไปจากใจ แค่อยู่ให้ได้แบบเห็นคุณค่าในตัวเอง... 


             เราเกิดมาคนเดียว มือเราปาดน้ำตาง่ายกว่าจะรอใคร

 "ความรัก" เริ่มต้นจาก>> 1-100 แต่.."การรอคอย" เริ่มต้นจาก>> 100-1 


             การมีรัก "ที่ต้องแอบรัก" มันมีความสุขตรงไหน ? 


             อยากได้รับการ "ปกป้อง" .. ไม่ใช่ .. "ปกปิด" อยากเป็น "ส่วนหนึ่ง" ของชีวิต .. ไม่ใช่ "ส่วนเกิน"


             ระยะทาง ''ที่ห่างไกล'' ไม่ได้น่ากลัวเท่า ''ระยะใจ'' ที่ห่างกัน 


             ความจริงที่เจ็บปวดที่สุดคือความจริงที่เราพยายามเถียงแทนว่า มันไม่จริง 


             ตอนรักกันอยากได้ "เวลา" ตอนเลิกกัน ก็ต้องใช้ "เวลา" เหมือนกัน 


             เรามักเรียกร้องความเหมือนเดิมจากคนใกล้ ๆ ทั้งที่เราเปลี่ยนไปทุกวัน


             ถ้ารัก ตอบไม่น่ายาก แต่ถ้ารักไม่มากพอ คงต้องขอเวลาคิด 


             หลายครั้งที่เราร้องไห้ให้กับคนที่เค้าไม่รัก จนทำร้ายคนที่เรารักที่สุดอย่างไม่รู้ตัว 


             ถ้าเรายังไม่ชอบตัวเอง จะให้คนอื่นมาชอบได้ยังไง 


             ถ้าไม่อยากเลิกจริง อย่าพูดออกไป เพราะมันบั่นทอนความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างแรง

เมื่อ "ถูกใจ" ไม่ได้มาพร้อม "ถูกต้อง" เราต้องเลือก "ถูกต้อง" เสมอ 


             ถ้าปากเค้าบอกว่าไม่ใช่แฟน อย่าปล่อยให้เค้าทำอะไรเหมือนแฟน 


             ธรรมชาติ แปลว่า คาดการณ์ไม่ค่อยได้ ความรักก็เหมือนกัน เพราะมันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่ง 


             คนบางคนรู้ว่า "ควร" ทำอะไร แต่ไม่ "ยอม" ทำ 


             จงตามหาความรักอย่างมีความสุข และอย่ามัวแต่นั่งทุกข์เพราะไม่มีความรัก 


             ความรู้สึกรักมักเกิดก่อน แล้วเราถึงมาหาเหตุผลอธิบายว่าทำไมถึงรัก 


             หยุดตั้งคำถามว่า ทำไม ต้องเกิดกับเรา ถามใหม่ เมื่อเกิดแล้ว จะทำยังไงต่อไปดีกว่า 


             บ่อยครั้งที่ความเหงา ทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น 


             อย่าอดทนเพื่อใคร จนใจร้ายต่อตัวเอง


             บางครั้ง การทำให้เขารักเรา มันก็ยากพอ ๆ กับทำให้เรา "ไม่รักเขา" 


             ไม่มีใครรักคนสองคนในเวลาเดียวกันได้ มีแต่รักคนหนึ่ง เสียดายคนหนึ่งมากกว่า 


             เจ็บเพราะเธอไม่รัก ยังดีกว่าเจ็บไปเรื่อย ๆ เพราะเธอหลอกว่าเธอรัก 


             องค์ประกอบหนึ่งของความรักคือความใส่ใจ ถ้าส่วนนี้หายไปยังจะเรียกว่า "รัก" อยู่หรือเปล่า?

บางทีการที่มีคน ๆ หนึ่งบอกเราว่า "เคยรักนะ แต่วันนี้ไม่รักอีกแล้ว" มันยังเข้าใจได้มากกว่า ที่จะบอกว่า "เธอดีเกินไป" 


             แม้รู้ดีว่าปลายทางจะต้องผิดหวัง แต่หลายคนก็ยินดีที่จะรัก โดยไม่มีเงื่อนไข
 
             บ่อยครั้ง..คนที่เป็นที่ปรึกษาให้คนอื่น มักจะแก้ปัญหาของตัวเองไม่ได้ 


             ถึงจะไม่มีคนรักเราจริง .. แต่ขอให้จำไว้ว่ายังมีอยู่ 1 คนคือ ..ตัวคุณเอง


             คนบางคนคุยเหมือนเดิมได้ แต่ความรู้สึกเหมือนเดิมไม่ได้..แต่บางคนคุยเหมือนเดิมไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ในใจ "ยังรู้สึกเหมือนเดิม"

 "เข้ากันไม่ได้" หรือไม่เคย "ปรับตัว" เข้าหา ? 


             ผิดสัญญากับใคร .. อาจเสียใจไม่เท่าผิดสัญญากับตัวเอง


             ปัญหา "ความรัก" ว่าแก้ยากแล้ว ปัญหา "ความไม่รัก" แก้ยากกว่า


             บางที "ทุ่มเท" ไป ก็โดน "ทอดทิ้ง" ยิ่งต้องดูแลตัวเองดี ๆ เพื่อ"ทดแทน" 


             อย่าเพิ่งโทษมือที่สาม ถ้าสองมือเราจับกันไม่แน่นพอ 


             อย่าหยุดหยิบยื่น "ความรัก" แม้ไม่ได้รับมันตอบ เพราะความรักที่ยิ่งใหญ่ คือ "ไม่เสียใจ" แม้ไม่ได้อะไรกลับมา 


             แอบรักใคร...ก็ไม่หนักใจ..เท่าแอบรักเพื่อนสนิท 


             เพราะ "ความรัก" เป็นคำนามนับไม่ได้..... ไม่รู้ว่ามีมาก หรือ มีน้อย แต่รู้ว่า....มันมี หรือ ไม่มี..มันก็เลยต้องใช้เวลา 


             ไว้ใจ + ซื่อสัตย์ = รักชั่วนิรันดร์ 


             คนบางคน "เหนื่อย" ที่พยายาม "โกหก" แต่รู้บ้างไหมว่าอีกคน "เหนื่อย" กว่า ที่ต้อง "แกล้งทำเป็นไม่รู้" 


             ถ้าคุณกำลังตกหลุมรักใครในโลกออนไลน์ คุณควรชั่งใจหรือให้ไปเต็มที่ เพราะ ใจหนึ่งเชื่อว่ารักแท้อาจจะมี แต่คิดอีกที "มันไม่มีทาง"

5
 อย่าไปบีบตัวเองให้รีบลืม เพราะยิ่งบีบเท่าไหร่ก็เท่ากับยิ่งย้ำให้จำเท่านั้น


             การเปลี่ยนที่เจ็บปวดที่สุดเรื่องหนึ่ง ก็คือการเปลี่ยนใจ โดยเฉพาะคนที่เปลี่ยนใจ กลับเป็นคนที่เป็นหัวใจของเราซะด้วย


             โลกสอนมนุษย์ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่โลกดันสอนให้มนุษย์ให้รู้จัก "ความผูกพัน"


             อย่าเอาหัวใจไปผูกติดกับเท้าใคร เมื่อเขาก้าวขาจากเราไป เราจะต้องเจ็บใจเสมอ


             ความรัก มักทำให้คนยิ้มได้ง่าย ๆ และร้องไห้ได้ง่าย ๆ เช่นกัน


             บางครั้ง การซื่อสัตย์กับคนหนึ่งคน ยังดีกว่าดิ้นรน จนไม่เหลือใคร


             บางที ถ้าใจอ่อนให้เค้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เราก็จะเจ็บซ้ำ ๆ ซาก ๆ


             บางที .. คนมาทีหลังไม่ได้รักมากกว่า หรือดีกว่า อาจจะชนะกันแค่ใหม่กว่า ..

อดีต มีไว้ให้จดจำ เรียนรู้ ไม่ใช่เดินตาม อย่าพยายามแก้ไขอดีต เพราะคนที่จะเจ็บหนัก ก็คือตัวเรา


             มีแค่... "ใจ" กับคำว่า.. "ไม่ใช่" .. จะเอาอะไรไปสู้กับคนที่ "ใช่" ที่ได้ไปอยู่ในหัวใจเธอ


             กองให้เขาไปตั้งร้อย เขาอาจไม่อยากได้แม้แต่หนึ่ง เราไม่ผิดที่อยากให้ .. เขาไม่อยากได้ .. ก็ใช่ว่าผิด


             อยากเสียสละทุก ๆ อย่างเพื่อเขา เคยถอยออกมาดูมั้ยว่า ... เขาอยากได้หรือเปล่า ?


             ถ้าหมดรักกันแล้วก็อย่ายื้อให้เหนื่อยใจ เพราะ "คนยังรักไล่ก็ไม่ไป..คนหมดใจรั้งยังไง..ก็ไม่อยู่" 


             คนไม่ใช่ ทำอะไรก็ผิด ต่อให้ทำความดีสักล้านครั้ง เขาก็มองไม่เห็นค่าของมัน


             ความรักเท่านั้นที่ทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องเล็ก... และมีอิทธิพลที่ทำให้เรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ 


             อนาคตมองไม่เห็น ปัจจุบันคือสิ่งที่เป็น อดีตมันก็แค่สิ่งที่เคยเห็นเท่านั้นเอง 


             บางทีไม่ต้องตัดใครออกไปจากใจ แค่อยู่ให้ได้แบบเห็นคุณค่าในตัวเอง


             คนมีเสน่ห์ ไม่ใช่คนที่มีคนข้างกายอยู่มากมาย แต่คือคนที่สามารถคบใครแล้วคบได้นานต่างหาก

บางคนแค่หาที่พัก เลยหวนกลับมาหาที่รักเก่า


             ทำใจ เป็นคำสั้น ๆ ที่ทำกันได้ยากมาก


             หลายครั้งที่เรายอมเป็นเพื่อน เพื่อจะได้อยู่ใกล้ กับคนที่เค้ารักเราไม่ได้


             อย่าทำร้ายตัวเองเพื่อประชดใคร คนอยากจะไกล ต่อให้เราอยู่หรือไป ก็ไม่มีผลอะไรต่อใจเค้า


             อยู่ดี ๆ เค้าก็เป็นคนที่ใช่แบบไม่ต้องทำอะไร แต่ทีเราทำแทบตาย กลับไม่ใช่สำหรับเค้าซะที 


             คู่กัน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันซะทุกอย่าง จริง ๆ เพราะความต่าง ทำให้หลายอย่างต้องใช้คู่กัน   


             ไม่ว่าจะคบกันมานานแค่ไหน ไม่มีใครอยากเป็นคนเก่า เราแค่อยากเป็นคนเดิม

ระยะทาง ไม่ได้ทำให้เราเลิกกัน แต่ระยะทางมันวัดใจให้รู้ว่าคนบางคนก็ไม่หนักแน่นพอที่จะรักและดูแลกันต่อไป 


             บ่อยครั้ง อะไรที่อยู่ใกล้ตัวกลับไกลตา มองไปมองมาไม่เห็นกันซะที


             "ความรัก" ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะมาดูแลใคร,, แต่เป็นเรื่องของการเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน


             ไม่รักก็อย่ากั๊กไว้ ... ถ้าไม่ใส่ใจก็อย่าให้ความหวัง 


             บางครั้ง คนเริ่มรักก่อน ไม่ได้แปลว่ารักมากกว่า
 
             คบใครอย่าคบซ้อน เพราะความสุขมักไม่ซับซ้อน อะไรที่ซับซ้อน มักไม่สุข 


             ถ้าจะเลือกใคร เลือกคนที่เรารักเค้ามากจนไม่อยากทำให้เค้าเสียใจเพราะเรา..


             เราไม่ใช่ก้าง ที่ต้องยอมให้เค้าหวงไว้ โดยไม่ต้องดูแล


             ความอ่อนแอ บางทีเรารู้ว่าเราเป็น แต่แสดงออกไม่เป็น

6
อย่าเอาชีวิตเราไปฝากไว้กับใคร เพราะจริง ๆ แล้วไม่มีใคร จะรักเราได้มากกว่าตัวเราเอง


             มีแฟนแล้วยังอยากจะมีเรา แล้วคิดเหรอว่าถ้ามีเราแล้ว จะไม่อยากมีใครอีก 


             ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ... บางครั้ง ก็ใช้ไม่ได้กับความรัก 


             เชื่อเถอะว่า การเป็นคนดีที่เขาไม่ยอมรับ ยังดีกว่าเป็นคนเลวที่ใครไม่ยอมรับ ดูแลตัวเองดี ๆ แล้วสักวันคนดี ๆ จะมาดูแลเราเอง :)


             คุณค่าในตัวเรา ไม่ได้วัดจากสายตาใคร ที่ไม่รักเรา 


             ความพลัดพรากแม้จะเป็นความทุกข์ แต่การยึดติดของเราต่างหาก ที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ยิ่งกว่า 


             ระยะทางไม่สำคัญมากมาย ถ้าใจสองใจ ยังหนักแน่นพอ


             อย่ารอให้เขาจากไป แล้วจึงเข้าใจว่ารักกัน


             บางครั้งกำลังใจ นอกจากจะมีไว้ให้ใคร ก็ต้องเผื่อไว้เพื่อตัวเอง 


             คนหนึ่งพร้อมจะโกหกทุกเมื่อ แต่อีกคนก็พร้อมที่จะเชื่อทุกครั้ง 


             ถ้าคุณโกหกใครได้สำเร็จอย่าคิดว่าคนที่คุณโกหกนั้นโง่เขลา แต่ให้รู้ไว้ว่าใครคนนั้นคงไว้วางใจในตัวคุณมาก มากกว่าที่คุณสมควรจะได้รับ


             บางครั้งความรัก ทำให้เราเลือกที่จะเจ็บต่อ เพราะกลัวว่าถ้าหยุดเมื่อไหร่ มันจะเจ็บมากกว่า 

ทฤษฎีการรอคอยมีอยู่ 2 แบบ คือ เขาให้ความหวังเรา กับ เราให้ความหวังตัวเอง 


             การพูดลอย ๆ มักจะมีความจริงเกินครึ่งเสมอ


             วิธีทำให้ความทุกข์ในอดีตเบาบางลง คือพยายามทำความเข้าใจด้วยสติว่ามัน "ได้ผ่านไปแล้ว" 


             กับคนบางคน การไม่ได้เขามาอาจจะเป็นเรื่องดี แม้วันนี้จะยังไม่รู้สึกก็ตาม ..


             คนเราหายใจได้ ไม่ได้ไร้ความรู้สึก ทุกคนมีสิทธิ์โหยหาสิ่งที่ดีที่สุด ไม่มีใครเป็นของตายของใคร..


             ถ้ายังรักกันอยู่จริง การนอกใจคนที่เราบอกว่ารัก จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ 


             ความรัก แตกต่างจากเกมกีฬาตรงที่ ตัวสำรอง มักจะเหนื่อยกว่าตัวจริง


             อย่าเรียกร้องความ "เข้าใจ" ตราบใดที่เราเอง ก็ไม่ได้ "ใส่ใจ" เขามากพอ ..


             บางคนหาคนที่รักเดียวใจเดียวเจอ แต่ไม่ยอมเก็บเอาไว้ซะงั้น


             เรามักจะเลือกความพอใจ มากกว่าจะเลือกความพอดี ทั้งที่เราต้องการอย่างหลังมากกว่า


             สิ่งที่มีเจ้าของ แค่คิดครอบครอง ก็ผิดแล้ว


             ถ้าความรักสอนให้รู้จัก "น้ำตา" .. แล้วเมื่อไหร่  "เวลา" .. จะสอนให้รู้จักคุณค่า ของ "คนที่รอ"


             บางครั้งคนรักกัน ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันเสมอไป


             การรอคอยอะไรบางอย่าง..มักทำให้เวลาเดินช้าลง..


             บางคนคบไว้เยอะ ๆ เพื่อควานหาคนจริงใจ เราจะได้ไหม ในเมื่อความจริงใจเรายังให้ใครไม่ได้สักคน


             ได้ยินคำเลว ๆ จากคนที่รัก ดีกว่าได้ยินคำว่ารักจากคนเลว ๆ

อย่าคบฉัน .. เพื่อ "คั่นเวลา" เพราะฉันไม่อยากมีค่า .. แค่เวลาเธอ "ไม่มีใคร"


             รัก คือ "ความอยากให้" แต่ หลง คือ "ความอยากได้"


             คนหมดใจ ต่อให้ไม่บอก ก็ดูออกไม่ยาก


             การเปลี่ยนแฟนบ่อย ๆ ไม่ใช่สถิติที่น่าภูมิใจ เพราะมันพอเดาได้ถึงความไม่หนักแน่นของจิตใจ


             ความสุขไม่ได้อยู่ที่ว่าเรามีอะไร แต่อยู่ที่เรารู้สึกยังไงกับสิ่งที่เรามี


             เขาไม่รักก็เศร้าแล้ว แต่ไม่รักตัวเองนี่สิ เศร้ากว่า


             คนง้อก่อนอาจไม่ใช่คนผิด แค่คิดได้ก่อนว่า อะไรสำคัญกว่าโทษกันว่าใครผิดใครถูก


             ความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ แม้ในบางครั้งอาจผิดที่ผิดเวลา แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยผิด คือ การที่เราได้รักใครสักคน


             เราเป็นของตายที่ให้อภัยง่าย เลยโดนทำร้ายจิตใจอยู่เรื่อย ๆ หรือเปล่า


             ความรัก เกิดจากคน 2 คน แต่ความเหมาะสม มักมีสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง


             เวลาจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น....และวันหนึ่ง เราคงสามารถคิดถึงเค้าได้โดยที่เราไม่เจ็บปวด

7
++เมื่อยากจนก็ยังชื่นชมในคุณธรรม เมื่อมั่งมี ก็ยังชื่นชมในมารยาทจริยธรรม

++ไม่ต้องเป็นห่วงคนอื่นที่ไม่เข้าใจเรา แต่ต้องเป็นห่วงว่าเรา ไม่เข้าใจคนอื่น

++การศึกษา ค้นคว้า ถ้าเอนเอียงไปสุดสายไม่ว่าข้างใดข้างหนึ่ง ก็มีแต่ผลเสียเท่านั้น



  ++การที่ยอมรับว่าไม่รู้นั้น ก็คือความที่รู้แล้ว

 ++บัณฑิตคิดถึงว่า ทำอย่างไรจะเพิ่มพูนคุณธรรมของตนได้
คนพาลคิดถึงว่า ทำอย่างไรจึงจะเห็นความเป็นอยู่ของตนสะดวกสบายขึ้น โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม

 ++บัณฑิตรู้เฉพาะเรื่อง ที่ชอบด้วยคุณธรรม คนพาลรู้เฉพาะเรื่องที่ได้ผลกำไร โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม

 ++ความผิดอันเนื่องมาจากการประหยัดนั้น มีน้อยเหลือเกิน

 ++ผู้ที่คุณธรรมย่อมไม่ถูกทอดทิ้งโดยโดดเดี่ยว และจะต้องมีเพื่อนบ้านมาคบหา

 +บัณฑิตมีความอ่อนน้อมถ่อมตน รับใช้ราษฎรด้วยสติปัญญา มีความเอื้ออาทร ใช้ราษฎรโดยชอบด้วยเหตุผล

 ++ไม่คิดถึงความชั่วของคนอื่นในอดีตกาล จึงมีคนโกรธท่านน้อย

 ++จงเป็นนักศึกษาในแบบบัณฑิต อย่าเป็นนักศึกษาในแบบคนพาล

 ++ตั้งใจมุ่งมั่นอยู่กับคุณธรรม ยึดมั่นในคุณธรรมไม่ละทิ้งความเมตตาธรรม ท่องเที่ยวไปในศิลปะวิชาการ

 ++สุรุ่ยสุร่ายเกินไปก็จะอวดหยิ่ง ประหยัดเกินไปก็จะเป็นคนคับแคบ แต่เป็นคนอวดหยิ่งสู้เป็นคนคับแคบดีกว่า

 ++บัณฑิตย่อมมีจิตใจกว้างขวางราบรื่น คนพาลย่อมมีความกลัดกลุ้มอึดอัดตลอดเวลา




  * อ่อนน้อมแต่ไม่มีจริยธรรม จะกลายเป็นเรื่องเหนื่อยเปล่า ระมัดระวังแต่ไม่มีจริยธรรม จะเป็นความขลาดกลัว

* กล้าหาญแต่ไม่มีจริยธรรม จะกลายเป็นก่อการร้าย ซื่อตรงแต่ไม่มีจริยธรรม จะเป็นภัยแก่คนอื่น

* ยังปรนนิบัตติคนที่มีชีวิตไม่เป็น จะปรนนิบัติเซ่นไหว้เทพเจ้ากับผีได้อย่างไรเล่า

* บัณฑิตมีความสามัคคีต่อกัน แต่ความคิดกับการกระทำไม่เหมือนกัน
คนพาลมีความคิดกับการกระทำเหมือนกัน แต่ไม่มีความสามัคคี

* ปรนนิบัติบัณฑิตเป็นเรื่องง่าย แต่ทำให้บัณฑิตรักเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะว่าถ้าไม่ชอบด้วยลักษณะธรรมบัณฑิตก็ไม่รัก

* ต่างตักเตือนให้กำลังใจกันและกัน อยู่กันด้วยความสามัคคี เรียกว่าเป็นนักศึกษาได้

* ในระหว่างเป็นเพื่อนกันต้อง ตักเตือนให้กำลังใจกันและกัน ในระหว่างพี่น้องต้องสามัคคีกัน

* เมื่อรักเขาจะไม่ให้กำลังใจเขาได้หรือ เมื่อซื่อสัตย์ต่อเขาจะไม่ตักเตือนสั่งสอนเขาได้หรือ

**




 * บัณฑิตย่อมมีความอับอายที่พูดไปแล้วนั้น เกินกว่าที่ทำไป

* ปราชญ์ย่อมหลีกเลี่ยงสังคมที่เลวร้าย สถานที่เลวร้าย มารยาทที่เลวร้าย และวาจาที่เลวร้าย

* ผู้ที่ไม่มีการไตร่ตรองให้ยาว ในอนาคตไกลจะต้องมีภัยที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

* ตำหนิตนเองให้มาก ตำหนิผู้อื่นให้น้อย ก็จะไม่มีใครโกรธแค้น

* รวมอยู่กันเป็นหมู่ ตลอดวันไม่เคยพูดถึงธรรมที่ชอบ ทำตนเป็นคนฉลาดในเรื่องเล็กๆน้อย ต่อไปเห็นจะลำบาก

* บัณฑิตขอร้องกับตนเอง ส่วนคนพาลนั้นจะขอร้องกับคนผู้อื่น

* บัณฑิตทีความภาคภูมิใจในตนเอง โดยไม่แย่งชิงความภาคภูมิใจของคนอื่น บัณฑิตมีความสามัคคี แต่ไม่เล่นพวกกัน

* พูดไพเระาตลบแตลงทำให้สูญเสียคุณธรรม เรื่องเล็กไม่อดกลั้นไว้จะทำให้แผนเรื่องใหญ่เสีย

* ทุกคนเกลียดก็ต้องพิจารณา ทุกคนรักก็ต้องพิจารณา

* เพื่อนที่ซื่อตรง เพื่อนที่มีความชอบธรรม เพื่อนที่มีความรู้ ทั้ง 3 ประเภทนี้มีประโยชน์แก่เรา

* เพื่อนที่ประจบสอพลอ เพื่อนที่ทำอ่อนน้อมเอาใจ เพื่อนที่ชอบเถียงโดยไม่มีความรู้ ทั้ง 3 ประการนี้เป็ยภัยแก่เรา

* *




@ บัณฑิตมีความกลัวอยู่ 3 ประการ กลัวประกาศิตของสวรรค์ กลัวผู้มีอำนาจ กลัวคำพูดของอริยบุคคล

@ นิสัยคนมีความเหมือนกัน แต่การศึกษาทำให้แตกต่างกัน

@ เฉพาะคนที่มีปัญญาสูง กับคนที่โง่มากเท่านั้น ที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเขาได้

@ รักความเมตตาแต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่ถูกหลอกลวงง่าย รักความรู้แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่ความรู้นั้นกระจัดกระจายไม่มีฐานที่ตั้ง

@ รักความซื่อสัตย์ แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่เป็นภัยแก่ตนโดยง่าย รักพูดตรงความจริง แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่การพูดจะเป็นการทำร้ายผู้อื่นได้โดยง่าย

@ รักความกล้าหาญ แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่ก่อความไม่สงบได้ง่าย รักความเข้มแข็ง แต่ไม่มีการศึกษา เสียอยู่ที่เป็นคนมุทะลุได้ง่าย

@ อ่านหนังสือโดยไม่ค้นคิด การอ่านจะไม่ได้อะไร ค้นคิดโดยไม่ได้อ่านหนังสือ การค้นคิดจะเปล่าประโยชน์

@ ทบทวนเรื่องเก่าและรู้เรื่องใหม่ขึ้นมาอีก ก็จะเป็นครูได้

@ นักศึกษาสมัยก่อน ศึกษาเพื่อให้ตนมีความสำเร็จในการศึกษา นักศึกษาในปัจจุบัน ศึกษาเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าตนเองมีการศึกษา

@ ชอบเอาสองคนมาเทียบว่าใครดีกว่าใคร เธอเองเก่งพอแล้วหรือ สำหรับเราไม่มีเวลาว่างมาทำเช่นนั้น

@ แสร้งพูดไพเราะ แสดงความน่ารัก เพื่อให้ถูกใจคน คนประเภทนี้น้อยนักที่จะเป็นคนมีเมตตาธรรม



@ ผู้ที่มีเมตตาธรรมเท่านั้น จึงจะสามารถรักคนด้วยความจริงใจ และจึงสามารถเกลียดคนด้วยความจริงใจ

@ ผู้มีปัญญาชื่นชมน้ำ เป็นผู้ขยัน ผู้มีความสุข ผู้มีเมตตา ชื่นชมภูเขา เป็นผู้รักสงบ เป็นผู้มีอายุยืน

@ ผู้ที่มีเมตตาธรรมเท่านั้น เวลาพูด เขาพูดอย่างเชื่องช้า ไม่พูดเชื่องช้าได้หรือ เพราะเมื่อพูดไปแล้ว ต้องทำตามที่พูดด้วยความลำบาก

@ ผู้ที่มีความเข้มแข็ง กล้าหาญ ซื่อสัตย์ พูดช้าก็ใกล้กับความมีเมตตาธรรมแล้ว

@ ผู้มีคุณธรรมต้องมีคำพูดที่ดี แต่ผู้มีคำพูดที่ดี ไม่ต้องใช่เป็นคนที่มีคุณธรรมเสมอไป

@ ผู้มีเมตตาธรรมต้องเป็นผู้ที่กล้าหาญ แต่ผู้กล้าหาญ ไม่ใช่ต้องเป็นคนที่มีเมตตาธรรมเสมอไป

@ เลี้ยงดูพ่อแม่ให้มีชีวิตอยู่ได้เท่านั้นนะหรือ ถ้าเช่นนั้น หมากับม้าก็ได้รับการเลี้ยงดูให้มีชีวิตอยู่เช่นกัน

@ บัณฑิตให้ความเมตตากรุณาแก่ผู้อื่น
ใช้คนทำงานแต่คนไม่โกรธแค้น
ความต้องการของเขาไม่เป็นความโลภ
มีความสงบแต่ไม่มีความเย่อหยิ่ง
มีความสง่าแต่ไม่มีความโหดเหี้ยม





8

     
    บริษัท โมริ บิลดิ้ง จำกัด  ได้เปิดตัวแคมเปญ “TOKYO CITY SYMPHONY” ในรูปแบบดิจิตอลอันยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2556 โดยถือเป็นหนึ่งในแคมเปญหลักของโครงการฉลองครบรอบภายใต้แนวคิด “LOVE TOKYO” โดย “TOKYO CITY SYMPHONY” คือ เว็บไซต์เชิงโต้ตอบปฏิสัมพันธ์ ซึ่งผู้เล่นสามารถสัมผัสประสบการณ์ในการสำรวจแผนที่จำลองมหานครโตเกียวรูปแบบสามมิติในสัดส่วน 1:1000 โดยแบบจำลองดังกล่าวเป็นการจำลองภาพทิวทัศน์กรุงโตเกียวให้เสมือนจริงในทุกรายละเอียด

   TOKYO CITY SYMPHONY จะมีรูปแบบมหานครในการเชื่อมต่อกับเพลงทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น FUTURE CITY-มนต์เสน่ห์เมืองแห่งอนาคต ROCK CITY-เปลี่ยนรปปงกิฮิลส์ให้กลายเป็นเมืองแห่งแสงสีเสียง สำหรับผู้คลั่งไคล้ในเสียงดนตรี หรือจะเป็น EDO CITY (Traditional Tokyo)-เล่าถึงบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมอันสวยงาม ผู้เล่นสามารถเลือกเล่นตามความสลับซับซ้อน แต่แฝงไปด้วยความสวยงามที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัวของมหานครผ่านแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ แต่ละรูปแบบจะมีรูปภาพและจังหวะดนตรีที่แตกต่างกันไป ด้วยการรังสรรค์ การประสานเสียงดนตรีและภาพประกอบกว่า 100 แบบเข้าด้วยกัน ผู้เล่นแต่ละคนจะได้รับการมอบหมายคะแนนซิมโฟนี 8 วินาที ซึ่งสามารถแชร์ผ่านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และกูเกิลพลัส คะแนนซิมโฟนีมากมายจากผู้เล่นผ่านทางออนไลน์จะนำมาสู่การสร้างซิมโฟนีที่ไม่มีที่สิ้นสุด

     สำหรับแบบจำลองกรุงโตเกียวขนาดจิ๋วที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท โมริ บิลดิ้ง จำกัด นี้ เป็นที่รู้กันว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นด้วยขนาดพื้นที่ 5 ตารางเมตร โดยอาคารแต่ละหลังถูกถ่ายภาพและประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง โดยแบบจำลองนี้ถูกนำแสดงต่อหน้าตัวแทนคณะกรรมการกีฬาโอลิมปิกนานาชาติในปี 2552 ในการเสนอเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ทั้งนี้บนเว็บไซต์ “TOKYO CITY SYMPHONY” ผู้เล่นสามารถสัมผัสประสบการณ์การสำรวจภาพจำลองขนาดใหญ่ของใจกลางมหานครโตเกียวจากแผนที่สามมิติบนหน้าจอ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ภาพเหล่านั้นครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,400 เอเคอร์

            “TOKYO CITY SYMPHONY” เป็นหนึ่งในความน่าสนใจที่หลากหลายที่วางแผนไว้เพื่อการเฉลิมฉลอง พิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริจะจัดแสดงนิทรรศการ “ALL YOU NEED IS LOVE – จากชากาลสู่คุซามะ และฮัตสึเนะ มิกุ” ผ่านผลงานการรังสรรค์จากหลากหลายศิลปิน ประกอบด้วย ยาโยอิ คุซามะ และ ฮัตสึเนะ มิกุ นอกจากนั้นยังมี “เลส ยีราฟ” อีกหนึ่งโชว์หุ่นยีราฟสูง 8 เมตร และการแสดงสดโดยกลุ่มศิลปินชาวฝรั่งเศส COMPAGNIE OFF
ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ http://tokyocitysymphony.com/

9
สรุปสูตรเบอร์ดีไม่มีเน่า

หลีกเลี่ยง 0 ,3,7,8 โดยไม่นับเลขหลักสามตัวหน้า 08x
หลีกเลี่ยง  11, 12, 21

หากเบอร์โทร 7 ตัวหลังของคุณมี 03,30 จะไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคเครียดและมีความเก็บกดทางอารมณ์
แต่เหมาะกับงานประเภทสายสืบเป็นคนล้วงความลับเก่ง

10
นักออกแบบตัวเลขอธิบายว่า "เลขศาสตร์" ที่คนทั่วไปรู้จักกันเป็นวงกว้างนั้น เน้นเรื่องผลรวมของเลขทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น เบอร์โทรศัพท์ 10 หลัก ก็นำตัวเลขทุกตัวมาบวกกัน จนได้ผลรวมที่เป็นเลขตัวนึงและตัวเลขนั้นมีความหมายอย่างไร แต่สำหรับ ศาสตร์ "แมธเธโลจี " นั้น ไม่ได้สนใจเรื่องผลรวมเลย เพราะสนใจที่ตำแหน่งของตัวเลขนั้นๆ และความหมายของกลุ่มตัวเลขนั้นๆ และสำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ "ความเหมาะสมต่อตัวบุคคล" เพราะว่าคนแต่ละคนมีอาชีพ วัย และความต้องการที่แตกต่างกัน และตาม ศาสตร์แมธเธโลจีนั้น มันก็หมายถึง กลุ่มตัวเลขที่ต่างกันด้วย ดังนั้น นักออกแบบตัวเลข "แมน แมธเธโลจี" ต้องร้อยเรียงตัวเลขเพื่อคนหนึ่งคนตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับ อาชีพ อายุ ฯลฯ

เน้นที่ความเป็น "ปักเจกชน" และความต้องการของแต่ละช่วงในชีวิต

        ด้วยเหตุที่แต่ละบุคคลมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่าง มีเป้าหมายไม่เหมือนกัน มีหน้าที่ อาชีพและความรับผิดชอบต่างๆ กันไป ส่งผลให้มีความต้องการที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นการอธิบายคำว่า "ปัจเจกชน" การออกแบบตัวเลข (อาทิ เบอร์โทรศัพท์) จึงจำเป็นต้องแตกต่างไปด้วยตามความต้องการ เหล่านั้น คือ ตัวเลขกลุ่มที่ได้รับการออกแบบเพื่อบุคคลใด จะเหมาะสมกับเขาหรือเธอ ไม่สามารถเอาตัวเลขกลุ่มนี้ (เบอร์โทรศัพท์) ไปให้กับบุคคลอื่นได้

        ตัวเลขที่เหมาะสมกับตัวเรามีการเปลี่ยนแปลงตามจังหวะชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น เลขของนักเรียนนักศึกษากับเลขของผู้บริหารบริษัท นั้นต่างกันสิ้นเชิง เพราะความต้องการในช่วงชีวิตที่ต่างกัน แม้กระทั่งเป็นผู้บริหารของบริษัทในสายงานที่ต่างกัน เช่น บริษัทโฆษณากับบริษัทประกันภัย ตัวเลขก็ต่างกันเช่นกัน หรือกรณีเลขของ ตำรวจ/ทหาร กับนักบัญชี ดูตามหน้าที่แล้วเห็นว่า ตำรวจนั้นจำเป็นต้องมีการปะทะกับคนอื่นๆ เลขก็จะมีความหนักกว่าเลขของนักบัญชีที่ต้องการความละเอียด และไม่ต้องลงแรงปะทะมาก

เป็นวิทยาศาสตร์ สถิติสามารถพิสูจน์ได้

        แม้ผลจากการทำนายตัวเลขด้วย"ศาสตร์แมธเธโลจี"นั้น จะมีความหมายคล้ายคลึงกับ "โหราศาสตร์" อย่างน่าประหลาดใจ แต่นักแสดงหนุ่มก็ย้ำว่า แมธเธโลจีนั้นไม่ใช่โหราศาสตร์แต่อย่างใด หากแต่เป็นศาสตร์ ที่ใด้รับการพิสูจน์จากตัวเลขด้านสถิติ

        นักออกแบบตัวเลขของเรานั้น จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านสถิติ ชอบสังเกต ค้นคว้าหาข้อมูลจากสิ่งรอบตัว และเก็บข้อมูลเชิงสถิติต่างๆ จากหลายแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เป็นหมวดหมู่ตามประเภทข้อมูล ที่สามารถตั้งข้อสันนิษฐานและผ่านการ  พิสูจน์ได้ออกมาเป็นบทสรุป การสังเกตเป็นแค่จุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การพิสูจน์ โดยนำข้อมูลเหล่านั้นเก็บลงในคอมพิวเตอร์ เข้าระบบและประมวลผล โดยแมนได้ศึกษาลักษณะเฉพาะของตัวเลขแต่ละตัวและสถิติมากว่า 6 ปี และยังคอยเก็บข้อมูลเพื่อการพิสูจน์ในหลากหลายหัวข้อต่อไปเรื่อยๆ

       นักแสดงหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายว่า "ตัวเลขทุกตัวเลขนั้นเปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน คือ มีความหมายและส่งผลได้ทั้งด้านบวกและด้านลบ ขึ้นอยู่กับการร้อยเรียง เลขที่แวดล้อม และความเหมาะสมกับเจ้าของหมายเลข" ดังนั้นศาสตร์แมธเธโลจีหรือศาสตร์แห่งการออกแบบตัวเลข จึงเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนพลังงานชีวิตด้านบวกของ "ปักเจกชน"

       หมายความว่าตัวเลขหนึ่งชุดนั้นที่เหมาะสมกับบุคคลหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะดีอีกสำหรับอีกคนหนึ่ง และที่สำคัญคือการร้อยเรียงตัวเลขไม่ใช่แค่นำเลขที่ดีกับเราไปวางรวมๆกันเพราะอาจทำให้ความหมายกลายไปส่งผลทางด้านลบแทนทางที่ดีสมควรมาตรวจกับทางแมธเธโลจีเพื่อความมั่นใจว่าเลขที่ได้ถูกตรวจและออกแบบให้คุณอย่างเหมาะสมที่สุดแล้ว

       ก่อนจากกัน "แมน แมธเธโลจี" ได้ฝากกลุ่มตัวเลขที่น่าสนใจมาให้แฟนๆได้รับรู้กัน นั่นคือ "กลุ่มตัวเลขนางงาม เลขผู้เข้าประกวดความงาม" และ "กลุ่มเลขที่มักจะอยู่ในคนหน้าตาดี" ดังนี้

กลุ่มเลขนางงาม เลขผู้เข้าประกวดความงาม

        กลุ่มเลขสถิติของนางสาวไทยและการประกวดความงามอื่นๆ จากอดีตถึงปัจจุบันที่มีความน่าสนใจ
จากการรวบรวมทางสถิติ ผู้ชนะการประกวดมักมีเลข 3 อยู่ในหมายเลขประกวด อาทิ 13 31 33 35 36 ซึ่งเลข 3 เป็นเลขของผู้ชาย จึงเหมือนเป็นการดึงดูดให้บรรดาคุณผู้ชายให้ชอบเเละโหวตให้บรรดาสาวงามเหล่านี้ เช่น ปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ สวมหมายเลข 13 ตอนได้ตำแหน่งนางสาวไทย และเช่นเดียวกับ ป๊อป อารียา ชุมสาย สิริโสดาสวมหมายเลย 33


กลุ่มเลขที่มักจะอยู่ในคนหน้าตาดี

        หลายคนคงอยากใช้เลขที่บ่งบอกถึงความหน้าตาดีบุคลิกดี ซึ่งกลุ่มเลขนี้ก็ คือ 9 และ 2 อย่างไรก็ตามจะหน้าตาดี สวยฉลาด แบบเซ็กซี่ แบบหวานๆ หล่อเนียบ หรือมีเสนห์แรง นั้นก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบแวดล้อมของเลขกลุ่มนี้ด้วย เมื่อมีเลขนี้แล้ว ของแถมคือจะมีใจรักการช่วยเหลือและบริการผู้อื่นเป็นเลิศ

        สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่า "ตัวเลขทุกตัวเลขนั้นเปรียบเหมือนเหรียญสองด้าน คือมีความหมายและสามารถส่งผลได้ทั้งด้านดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับว่าจะไปอยู่กับบุคคลใด" ซึ่งตรงกับความหมายของศาสตร์ แมธเธโลจี ที่ว่าคือ ศาสตร์แห่งการออกแบบตัวเลข ซึ่งสามารถขับเคลืื่อนพลังงานชีวิตด้านบวกของ "ปักเจกชน"



11
Sometimes you wish you could just fast forward the time
Just to the see if in the end
It's all worth it.


บางครั้งเราก็อยากให้เวลาผ่านไปเร็ว ๆ
เพื่อจะได้รู้ว่าที่เราพยายามเพื่ออนาคตนั้น
มันคุ้มค่าหรือไม่

People can't love and appreciate others,
If they cannot love and appreciate themselves.


คนเราไม่อาจรักและเห็นคุณค่าของใครได้
หากยังไม่รู้จักรักและเห็นคุณค่าของตัวเอง

People grow through experience
If they meet life honestly and courageously.
This is how character is built.


คนเราเติบโตขึ้นได้จากประสบการณ์
หากเราเลือกที่จะเผชิญชีวิตอย่างซื่อสัตย์และกล้าหาญ
และนั่นคือสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างทุกวันนี้

Never give up on something you really want.
However impossible things my seem,
There's always a way.


อย่ายอมแพ้ที่จะทำตามฝัน
แม้ว่ามันดูยากเกินจะเป็นความจริงได้
จำไว้เถอะว่า ทุกอย่างมีหนทางและความเป็นไปได้ด้วยกันทั้งนั้น

If people have something to say about your life,
That's saying little about their own.
Keep your head up, 
Stay strong and move on.


หากมีใครวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตของคุณ
และพูดถึงชีวิตตัวเองเพียงน้อยนิด
ก็อย่าได้ใส่ใจคำพูดเหล่านั้นเลย
จงเข้มแข็ง และก้าวต่อไปเถอะ

You're young, but the years fly and soon,
You'll be wondering what would have happened
If you would have spoken 
What was inside your heart.


คุณอาจยังเด็ก แต่เมื่อเวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดปีกบิน
สักวันหนึ่งคุณจะมองย้อนกลับมาและถามตัวเองว่า
ชีวิตจะเป็นอย่างไร หากในอดีตคุณเลือกพูดอย่างที่ใจคิด

You can get everything in life you want
If you just help enough other people get what they want.


คุณสามารถได้ทุกอย่างในชีวิตที่คุณต้องการ
หากคุณช่วยเหลือคนอื่นให้ได้ในสิ่งที่เขาต้องการเช่นกัน

Good things can come
From unexpected places.

บางครั้งสิ่งดี ๆ ก็อาจมาจากที่ซึ่งคุณคาดไม่ถึง

The tragedy in life doesn't lie in not reaching your goal.
The tragedy lies in not having a goal to reach.


เรื่องเศร้าในชีวิตไม่ใช่การที่เราไปไม่ถึงฝัน
แต่เป็นการที่เราอยู่โดยไม่มีความฝันต่างหาก

People are always going to talk behind your back.
Get over the fact that you're not going to please everyone
And recognize the ones you do.


ผู้คนมักจะนินทาคุณลับหลังเสมอ
แต่จงยอมรับความจริงเถอะว่า เราไม่อาจทำให้คนทุกคนรักเราได้
จงใส่ใจคนที่คุณรักดีกว่า

Never underestimate someones ability to find out the truth.


อย่าดูถูกความสามารถในการค้นหาความจริงของผู้อื่น

You might meet a hundred acquaintances
Just to find a few special friend.


คุณอาจต้องทำความรู้จักกับผู้คนนับร้อย
กว่าจะได้พบเพื่อนแท้เพียงไม่กี่คน

You are in control of your destiny,
Only you can make your dreams come true.


คุณเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง
มีเพียงคุณเท่านั้น ที่จะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง

As humans we tend to worry 
About things we cannot change
And affect everyone around us
With our negativity.


เรามักจะกังวลกับสิ่งที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ
และการมองโลกในแง่ร้ายของเรานั้น 
ก็จะส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างไปด้วย

Never take for granted 
All the things you have today
And most of all,
Enjoy what you have everyday.


อย่าทำให้วันของคุณสูญเปล่า
จงมีความสุขกับสิ่งที่คุณมีในทุก ๆ วัน

Experience tells you what to do;
Confidence allows you to do it.


ประสบการณ์จะทำให้คุณรู้ว่าคุณควรทำอะไร
แต่ความมั่นใจจะทำให้คุณกล้าลงมือทำ

People only get jealous
When they care.


คนเราจะรู้สึกอิจฉา
ก็ต่อเมื่อเราใส่ใจใครคนนั้นจริง ๆ เท่านั้น


12
Happiness is an attitude.
We either makes ourselves miserable or happy and strong.
It is your choice.

ความสุขเป็นเพียงทัศนคติหนึ่ง
เราจะทำชีวิตให้เศร้า สุข หรือเข้มแข็ง
ขึ้นอยู่กับเราเลือกที่จะเป็น

You can't make someone else's choices 
so you shouldn't let someone else make yours.
Follow your heart.

เราไม่อาจตัดสินใจแทนคนอื่นได้
เราจึงไม่ควรปล่อยให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนเราเช่นกัน
เพราะฉะนั้น จงทำตามหัวใจเรียกร้องเถอะ

The most successful people in the world
Have made many mistakes 
And experienced far more failure than the rest.


คนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
คือคนที่พบเจอความผิดพลาดและความล้มเหลวมามากกว่าคนอื่น

You must lose your fear of being wrong
In order to live a creative life.


คุณต้องละทิ้งความกลัวที่จะผิดพลาด
เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์

Do not allow what you cannot do,
Interfere with what you can do.
You can reach your dreams faster
Doing things you're good at.


อย่าปล่อยให้สิ่งที่คุณทำไม่ได้
มาเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่คุณทำได้
คุณสามารถเอื้อมคว้าความฝันให้เร็วขึ้นได้
หากเลือกทำในสิ่งที่คุณรัก

If someone seeks advice,
Give them direction, not correction.
Do not force your opinions on others.
Steer them to make their own decisions.


หากมีคนมาขอคำปรึกษา
จงแนะแนวทางแก่เขา ไม่ใช่เข้าไปแก้ปัญหาให้เขา
อย่าบังคับคนอื่นให้คิดเหมือนกับเรา
แค่แนะนำให้เขาได้ตัดสินใจด้วยตัวเองก็พอ

Break free from negative people
Because negativity has a way of passing
From person to person
And they will drag you down with them.


พยายามออกห่างจากคนมองโลกในแง่ร้าย
เพราะการมองโลกในแง่ร้ายนั้นสามารถติดต่อกันได้
และมันจะทำให้คุณตกต่ำลงไปด้วย

Never miss the opportunity to follow your dreams.
Older people who are unhappy with life
Are those with regrets.


อย่าปล่อยโอกาสที่จะทำตามฝันหลุดลอยไป
เพราะเมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจต้องอยู่กับชีวิตบั้นปลายที่ไร้ความสุข
จากการเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมาอีก

Living a false life will only lead to distress and worries.
Be yourself, everyone is already taken.


การใช้ชีวิตแบบผิด ๆ มีแต่จะนำมาซึ่งความเศร้าโศกและความเครียด
ดังนั้นจงกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง

Don't take other people's criticism to heart.
Instead, Listen to what they are saying
And learn from it.


อย่าเก็บคำวิจารณ์ของคนอื่นมาใส่ใจ
แต่จงรับฟังและใช้มันพัฒนาตัวเองดีกว่า

Look for the positive in those around you and point them out.
Positive attracts positive.


จงมองหาข้อดีจากผู้คนรอบข้าง
เพื่อให้คุณได้เรียนรู้สิ่งดี ๆ จากพวกเขา

Never compare yourself or others to other people.
Everyone has their own struggles, own fights, 
And a different path that they chose to get to where they are.
Everyone is who they are for a reason.


อย่าเปรียบเทียบตัวเองหรือคนอื่นกับใคร ๆ
เราทุกคนต่างก็เคยผ่านอุปสรรคและความยากลำบากมาต่างกัน
และมีทางเดินของใครของมันที่แตกต่าง
เราทุกคนจึงมีเหตุผลที่จะมีตัวตนที่แตกต่างกันไป

Sometimes hurt is needed to make us grow,
Failure is needed to make us know 
And loss is needed to make us gain.
Because life's greatest lessons are
Usually taught through a little bit of pain.


บางครั้งคนเราก็จำเป็นต้องเจ็บปวด เพื่อให้เราเติบโตขึ้น
จำเป็นต้องผิดพลาด เพื่อให้เราได้เรียนรู้
จำเป็นต้องล้มเหลว เพื่อแลกกับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่
เพราะบทเรียนที่มีค่าที่สุดในชีวิต
คือบทเรียนที่แลกมาด้วยความเจ็บปวด


13
    คนบางคนจะไปจากชีวิตของคุณ หรือคุณอาจไปจากชีวิตของเค้า มีความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนผัน คุณจะไม่ทันตั้งตัวกับความเปลี่ยนแปลง แต่ในด้านบวก จะเป็นโอกาสที่ทำให้คุณได้ค้นพบมิติใหม่ ๆ หรือเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณ การเดินหน้าไปด้วยความเชื่อมั่นในที่สุด ว่าคุณก็ต้องมีชีวิตอยู่ได้
   ในเรื่องความสัมพันธ์ ก็มีสิ่งต้องเผื่อใจเช่นกัน อาจมีสิ่งที่ต้องยุติลง ไม่อาจจะเดินหน้าไปกันต่อได้ แม้จะรักกันราบรื่นแค่ไหน จะมีวันที่บาดหมางใจกันแทบเลิกรา

14
จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2554 คนไทยอ่านหนังสือนอกเวลาเรียน หรือเวลาทำงาน โดยเฉลี่ย 35 นาทีต่อวัน และมีแนวโน้มที่จะลดลงนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการอ่านหนังสือต่ำ หลายคนก็คงคุ้นชินกับสถิติทำนองนี้อยู่แล้ว จนมั่นใจได้ว่าการอ่านหนังสือไม่น่าจะเป็นวัฒนธรรมของคนไทยโดยทั่วไป จึงเป็นเรื่องที่น่าดีใจที่ในปีนี้ที่ กรุงเทพฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นเมืองหนังสือโลก ซึ่งจะทำให้เราได้มีโอกาสรณรงค์ส่งเสริมการอ่านหนังสือกันอย่างจริงจัง ก่อนที่ปีหน้าเมืองหนังสือโลกจะย้ายไปอยู่ที่ประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีอัตราการอ่านหนังสือและการรู้หนังสือต่ำมาก
     ทำไมต้องอ่านหนังสือ?
     ผู้ใหญ่หลายคนจ้ำจี้จ้ำไชให้เด็ก ๆ ได้อ่านหนังสือ โดยบอกว่าอ่านหนังสือแล้วจะได้ความรู้ แต่ปัจจุบันนี้มีทางเลือกมาก กิจกรรมอื่นที่ให้ได้มาซึ่ง ข่าวสาร สาระ ความรู้ก็มีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ เล่นเน็ต ฯลฯ การอ่านหนังสือแล้วได้ความรู้ จึงเป็นความจริงที่มีคู่แข่ง และนับวันคู่แข่งเหล่านี้ก็ตัวใหญ่และแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างในบ้านเรา หลายคนก็คงทราบว่าอีกไม่นาน เราจะมีฟรีทีวีเพิ่มขึ้นอีกหลายสิบช่อง เราจะมีเครือข่าย 3จี ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศ และราคาแท็บเล็ตดี ๆ ก็ถูกลงทุกวัน แล้วยังงี้เรายังจะมีเวลาเหลือให้อ่านหนังสือด้วยเหรอ?
     คุณจะไม่อ่านหนังสือก็ตามใจ แต่คุณรู้รึเปล่าว่ากำลังทิ้งโอกาสที่ทำให้ตัวเองฉลาดขึ้น อ่านหนังสือแล้วฉลาดขึ้นจริง ๆ ไม่ใช่แบบว่าแค่อ่านหนังสือแล้วรู้มากจึงฉลาด แต่อ่านหนังสือทำให้สมองทำงานเก่งขึ้นจึงฉลาด เมื่อปีที่แล้วนักวิจัยด้านสมองที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รายงานผลการศึกษาผลกระทบกับสมองจากการอ่านหนังสือ โดยการศึกษาดังกล่าวเป็นงานวิจัยชิ้นแรก ๆ ที่ทำการทดลองโดยใช้เครื่องสแกนสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อดูว่าสมองทำงานอย่างไรบ้างในขณะอ่านหนังสือ ผลปรากฏว่าขณะอ่านหนังสือ สมองจะได้รับเลือดไปเลี้ยงในส่วนต่าง ๆ ของสมองทั้งใบมากกว่าการทำกิจกรรมอื่น ๆ มาก ยิ่งการอ่านที่ต้องมีการคิดวิเคราะห์ยิ่งเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมากขึ้นไปอีก เราอาจไม่รู้ตัวว่าสมองต้องทำงานหนักขณะอ่านหนังสือ สมองต้องทำความเข้าใจกับภาพตัวอักษรต่าง ๆ แปลงในใจให้เป็นเสียง แล้วให้ได้เป็นคำ ๆ เพื่อเอาไปดึงความหมายมาเรียบเรียง การอ่านจึงนับเป็นการออกกำลังสมองที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง
     มนุษย์เรากำเนิดขึ้นบนโลกเมื่อ 200,000 ปีมาแล้ว แต่เราเพิ่งเริ่มจะได้อ่านหนังสือกันเมื่อไม่เกิน 6,000 ปี การอ่านในใจที่เราคุ้นเคยก็เพิ่งมีมาประมาณ 1,000 ปีนี้เอง ก่อนหน้านั้นก็มีแต่การอ่านออกเสียง การอ่านจึงไม่ใช่สิ่งที่ธรรมชาติให้เรามา แต่เป็นวัฒนธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งก็แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ในสมัยที่เริ่มมีวิทยุและโทรทัศน์ใหม่ ๆ หลายคนก็คาดเดาว่าการอ่านหนังสือจะได้รับความนิยมลดลง มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น ในปัจจุบันเป็นสมัยที่อินเทอร์เน็ตเฟื่องฟู การอ่านก็ยังคงเป็นกิจกรรมยอดนิยมของมนุษย์อยู่ดี แน่นอนว่ารูปแบบของการอ่านก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เช่น การอ่านข่าวจากอินเทอร์เน็ต ที่กำลังมาแทนการอ่านหนังสือพิมพ์ เพราะมีความรวดเร็วกว่า มีความกระชับ และสะดวกกว่าที่จะเลือกข่าวที่สนใจ หลายคนกังวลว่าการอ่านจากสื่ออินเทอร์เน็ตจะปลูกฝังการอ่านแบบฉาบฉวย ทำให้สมาธิสั้น และให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ลดลง เป็นเรื่องธรรมดาที่เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกขนาดนี้ จะพาความกังวลมาด้วยมากมาย ก็เป็นเรื่องที่มนุษย์เราต้องปรับตัว มีเกิดมีดับ มีการเปลี่ยนแปลง มันก็เป็นธรรมชาติของโลก
     กรุงเทพฯ ได้เป็นเมืองหนังสือโลกในวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งก็เป็นวันหนังสือโลก และลิขสิทธิ์โลกด้วย ไม่รู้ว่าเราจะได้มีการรณรงค์ให้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ด้วยรึเปล่า หนังสือกับลิขสิทธิ์เป็นของคู่กัน ลิขสิทธิ์เป็นสิทธิพิเศษที่ให้กับเจ้าของผลงาน ซึ่งจะว่าไปในตัวของมันก็เป็นข้อมูล ไม่มีตัวตน ความเป็นเจ้าของ กับการคุ้มครองการทำซ้ำกับสิ่งที่ไม่มีตัวตนจึงเป็นเรื่องซับซ้อนขึ้นทุกวัน ในโลกที่เทคโนโลยีมันเอื้ออำนวยการทำซ้ำแทบทุกรูปแบบ และการใช้ประโยชน์จากการทำซ้ำหรือการดัดแปลงที่หลากหลายขึ้น
     นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่จะต้องเป็นที่ถกเถียงกันมากที่สุดในยุคนี้แน่นอน เอาเถอะครับ เรื่องปวดหัวเอาไว้ก่อน ตอนนี้เรามาฉลองเมืองหนังสือโลก ด้วยการหาหนังสือดี ๆ มาอ่านกันซักเล่มดีมั้ยครับ.

ที่มา : เดลินิวส์


15
www.sharepoint.in.th 

เว็บแชร์พอยท์ โดน hack เรียบร้อยแล้ว

เมื่อวานเข้าเว็บนี้แล้วรู้สึกหน้าจอมันแปลกๆ เปลี่ยนไป เช้าวันนี้เข้าอีกทีก็ยังเหมือนเดิมเลย

แถมยังมีข้อความแปะไว้หน้าเว็บซะด้วย 

coppy ข้อความมาก็ไม่ได้ แถมยังคลิดขวา หรือ view source ไม่ได้อีก เทพจริงๆ

ไม่รู้ว่าเป็นใครกันนะ ถึงได้ทำร้ายกันแบบนี้ ไม่รู้ว่าแชร์พอยท์จะเข้าเว็บตัวเองได้หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ T^T

เพราะว่ายังไม่เห็นมีการแก้ไขเลย ดังนั้นเรื่องนี้ต้องติดตามตอนต่อไปจ้า...... ::)


Pages: [1] 2 3 ... 42